กล่าวคือ เมื่อวันที่ 20 ธ.ค.2545 นายอู๋ หลง มู่ ได้ว่าจ้างนายจวง ไฉ่ หยวน เป็นเงิน 600,000 เหรียญไต้หวัน นำเรือออกจากเมืองผิงตง ไต้หวัน เดินทางเข้าไปในเขตน่านน้ำเมืองฝู่เจียน ประเทศจีน โดยมีเรือไม่ทราบชื่ออีกลำหนึ่งนำสินค้าใส่ถุงดำขนาดใหญ่จำนวน 2 ถุง มาส่งให้ หลังจากนั้นได้เดินทางกลับ กระทั่งวันที่ 25 ธ.ค.2554 เวลาประมาณ 01.00 น. เรือได้เข้าเขตน่านน้ำไต้หวันและถูกตำรวจน้ำไต้หวันจับกุมได้ โดยพบว่าภายในถุงดำทั้ง 2 ถุง บรรจุยาแอมแฟตามีน (ยาไอซ์) 99% จำนวน 30 ถุง น้ำหนัก 30.26 กิโลกรัม ราคาในประเทศไทย 100 ล้านบาท และในประเทศไต้หวันมูลค่ากว่า 400 ล้านบาท
หลังจากนั้นนายอู๋ หลง มู่ ได้เดินทางหลบหนีเข้ามาในประเทศไทยเมื่อวันที่ 28 ธ.ค.2545 และศาลแขวงเมืองผิงตง สาธารณรัฐจีน (ไต้หวัน) ได้ออกหมายจับเมื่อวันที่ 28 พ.ย. 2546 สำนักงานเศรษฐกิจและวัฒนธรรมไทเป คาดว่านายอู๋ หลง มู่ อาจจะอาศัยอยู่ในจังหวัดภูเก็ต
อย่างไรก็ตาม จากการตรวจสอบข้อมูลของตรวจคนเข้าเมืองภูเก็ต พบว่า นายอู๋ หลง มู่ เดินทางเข้ามาในราชอาณาจักรครั้งสุดท้ายเมื่อวันที่ 27 ต.ค.2552 ทางท่าอากาศสุวรรณภูมิ ได้รับการตรวจลงตราประเภท “NON-B” อนุญาตถึงวันที่ 11 ม.ค.2553 ประเภท “ใช้ชีวิตบั้นปลาย” อนุญาตถึงวันที่ 24 ม.ค.2554 จึงได้ดำเนินการเพิกถอนการอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักร เมื่อวันที่ 4 ส.ค.2554 นี้ ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมของตรวจคนเข้าเมืองภูเก็ตจึงได้ออกสืบสวนและติดตามตัว จนเมื่อวันที่ 10 ส.ค.2553 พบนายอู๋ หลง มู่ อาศัยอยู่ที่อพาร์ทเม้นท์เหมยโจว ถ.หลวงพ่อ ต.ตลาดใหญ่ อ.เมือง จ.ภูเก็ต จึงได้ตรวจสอบและกักตัวเพื่อประสานกับสำนักงานเศรษฐกิจและวัฒนธรมไทเปประจำประเทศไทย ในการผลักดันส่งกลับเพื่อดำเนินคดีในไต้หวันต่อไป
พ.ต.อ.ภาณุวัฒน์ ร่วมรักษ์ ผู้กำกับการตำรวจตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดภูเก็ต นายอู๋ หลง มู่ เข้ามากบดานอยู่ในภูเก็ตประมาณ 8 ปีแล้ว โดยเข้ามาประกอบอาชีพเป็นนายหน้าในการส่งออกปลาทูน่าไปต่างประเทศ ที่บริเวณท่าเทียบเรือประมงเกาะสิเหร่ ซึ่งนอกจากรายนี้แล้ว ทางตม.ภูเก็ตจะให้ความสำคัญในการตรวจสอบข้อมูลของคนไต้หวันที่เข้ามาในภูเก็ตมากขึ้น เนื่องจากที่ผ่านมาจะเห็นว่ามีการจับกุมคนไต้หวันที่เข้ามาทำผิดกฎหมายในประเทศไทยหลายราย ไม่ว่าจะเป็นคดีเกี่ยว Call Center เป็นต้น ส่วนชาติอื่นๆ ที่อยู่ในข่ายของการติดตามตัวนั้นมีอยู่หลายรายแต่จะเป็นจากประเทศใหญ่ๆ เพราะขณะนี้มีบัญชีของคนต่างชาติที่เข้ามาหลบซ่อนตัวในประเทศไทยถึง 3,000 ราย
อย่างไรก็ตาม ตั้งแต่ต้นปีเป็นต้นมา ตม.ภูเก็ตสามารถจับกุมคนต่างชาติที่หลบหนีความผิดเข้ามาซ่อนตัวในภูเก็ตแล้ว 4 ราย ประกอบด้วย ชาวเกาหลีใต้ เยอรมัน อเมริกัน และไต้หวันเป็นรายล่าสุด ซึ่งเรื่องนี้อยากจะขอความร่วมมือไปยังประชาชนชาวภูเก็ตทุกคนให้ช่วยแจ้งเบาะแสคนต่างชาติที่เข้ามาอาศัยในภูเก็ตและมีพฤติกรรมที่เป็นภัยต่อความมั่นคงของประเทศ
ขอบคุณ...ผู้จัดการ ออนไลน์
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น