หลังจากนั้นได้ขยายผลจับกุมเครือข่ายได้เพิ่มอีก 3 คน คือ นายธนสิน หรือบังฟาเร่น มานะจิตต์ อายุ 50 ปี อยู่บ้านเลขที่ 69-8 ม.1 ต.ไม้ขาว อ.ถลาง จ.ภูเก็ต นายสุทัศน์ หรือ โอ๋ เสริมจิตต์ อายุ 20 ปี อยู่บ้านเลขที่ 68/1 ต.ไม้ขาว อ.ถลาง จ.ภูเก็ต และนายกฤษณะ หรือ นก พรมน้อย อายุ 29 ปี อยู่บ้านเลขที่ 370 ม.18 ต.วังชะพลู อ.ขาณุวรลักษบุรี จ.กำแพงเพชร พร้อมของกลางยาบ้าจำนวน 5,950 เม็ด ได้ที่บ้านเลขที่ 131/87 หมู่บ้านศรีสุชาติแกรนด์วิว ถ.ประชาสมัคคี ต.รัษฎา อ.เมือง จ.ภูเก็ต
โดยกล่าวหาว่า ร่วมกันมียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า) ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยไม่ได้รับอนุญาต พร้อมทั้งได้ยึดทรัพย์สินของผู้ต้องหาเครือข่ายเป็นรถยนต์ 2 คัน และทรัพยสินอื่นอีกจำนวนหนึ่ง
นำผู้ต้องหาพร้อมของกลางส่งพนักงานสอบสวน สภ.เมืองภูเก็ต ดำเนินคดี อีกทั้งทำการสืบสวนขยายผลตรวจยึดทรัพย์สินของกลุ่มผู้ต้องหาเครือข่ายกลุ่มนี้ต่อไป
พล.ต.ต.พิกัด ตันติพงษ์ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต กล่าวว่า สถิติการจับกุมยาบ้าในภูเก็ตในเดือนก.ค.ที่ผ่านมามีสูงถึง 470 คดี สูงจากเดือนมิ.ย.ถึง 300 คดี ซึ่งจุดนี้เป็นเพราะเจ้าหน้าที่ได้เข้มงวดในการจับกุม เพราะจากรายงานของปปส.ระบุว่าการแพร่ระบาดในภูเก็ตนั้นอยู่ในขั้นปานกลางเท่านั้น แต่จากที่เศรษฐกิจของภุเก็ตดีกว่าหลายๆพื้นที่ทำให้พ่อค้ายาบ้าขยายฐานเข้ามาในภูเก็ตเพิ่มมากขึ้น
ขณะที่นายวิชัย ไพรสงบ ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต กล่าวว่า ที่ผ่านมาตนรู้สึกอึดอัดใจมาก ที่เมื่อส่งปัสสาวะไปตรวจสืบหาสารเสพติดแล้ว กลับไม่เจอทั้งๆ ที่ผู้ต้องหาที่ถูกจับกุมได้รับสารภาพว่าค้าและเสพติดยาบ้า ทำให้คดีต้องหลุดไป อย่างไรก็ตามในเรื่องนี้ทางจังหวัดได้เสนอไปยังกระทรวงมหาดไทยในการขอซื้ออุปกรณ์ตรวจหาสารเสพติดแล้ว
ขอบคุณ...ผู้จัดการ ออนไลน์
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น