วันพุธที่ 19 มกราคม พ.ศ. 2554
รองผู้บัญชาการ ภาค 8 จับกุมผู้ต้องหา 4 คน คดียิงแคดดี้สนามกอล์ฟมิชชั่นฮิลล์
เมื่อเวลา 10.00 น . วันอังคารที่ 18 มกราคม พ.ศ. 2554 ที่ห้องประชุม กองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต พล.ต.ต. พิสัณห์ จุลดิลก รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 8 (งานป้องกันปราบปรามอาชญกรรม 1 ) พร้อมด้วย พล.ต.ต. พิกัด ตันติพงศ์ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต และผู้ที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมแถลงข่าวการจับกุมคนร้ายใช้อาวุธปืนยิง นางสาวอมรรัตน์ หรือไก่ เพชรตรง เสียชีวิต
พล.ต.ต. พิสัณห์ กล่าวว่า เมื่อวันที่ 7 ธันวาคม 2553 เวลาประมาณ 06.20 น. เกิดเหตุคนร้ายใช้อาวุธปืนยิง นางสาวอมรรัตน์ เพชรตรง อายุ 26 ปี ภูมิเลาเนาอยู่ที่ 3/3 ม.16 ต. หนองตากยา อ.ท่าม่วง จ.กาญจนบุรี ประกอบอาชีพเป็นแคดดี้อยู่ที่สนามกอล์ฟ มิชชั่นฮิลล์ ม.4 ต.ป่าคลอก อ.ถลาง จ.ภูเก็ต เสียชีวิต เหตุเกิดที่ริมถนนสายบ้านเมืองใหม่-ป่าคลอก ใกล้สนามกอล์ฟมิชชั่นฮิลล์
จากที่พนักงานสืบสวนได้รวบรวมพยานหลักฐานและยื่นคำร้องขอหมายจับผู้ต้องหาในคดีนี้ สามารถจับกุมผู้ต้องหาได้ จำนวน 4 คน คือ นางประทุม ชุมรักษ์ อายุ 42 ปี เป็นผู้ให้นายไพศาล ปรีชา ติดต่อหามือปืน ส่วนนายไพศาล ปรีชา อายุ 33 ปี ซึ่งเป็นผู้ติดต่อหามือปืน พร้อมกับการจัดหาอาวุธปืนและรถจักรยานยนต์ นายพงษ์ศักดิ์ บูรณะ มือปืน นายหมาย (นามสมมุติ) อายุ 17 ปี ผู้ขับรถจักรยานยนต์พา นายพงษ์ศักดิ์ ไปยิงนางสาวอมรรัตน์ ซึ่งการสืบสวนสอบสวนเบื้องต้นทราบว่า นางประทุม ชุมรักษ์ พี่สาวนายอุดม หนูนะ (สามีนางสาวอมรรัตน์) น่าจะมีส่วนรู้เห็นการตายของ นางสาวอมรรัตน์ ต่อมาพบว่าคนใกล้ชิดนางประทุม คือนายไพศาล (นางประทุมมีบุญคุณอยู่) เป็นผู้ติดต่อกับนายพงษ์ศักดิ์ บูรณะ มือปืน ซึ่งเป็นเพื่อนของนายไพศาล อยู่ที่จังหวัดสงขลาให้มายิงผู้ตายในราคา 30,000 บาท
สำหรับประเด็นขัดแย้งในครั้งนี้คาดว่า เป็นประเด็นเกี่ยวกับชู้สาวเป็นการขัดแย้งกับพี่สาวของนายอุดม หนูนะ สามีของผู้ตาย ซึ่งนางสาวอมรรัตน์ เพชรตรง อยู่กินกันฉันท์สามี-ภรรยา กับนายอุดม แต่ทางพี่สาวของนายอุดม ไม่พอใจเนื่องจาก ผู้ตายเคยมีครอบครัวและมีบุตรมาแล้ว ประกอบกับนายอุดม ได้ทิ้งภรรยาเก่าและบุตรมาอยู่กินกับผู้ตาย ก่อนเกิดเหตุนั้น นางประทุมพี่สาวของนายอุดมได้โทรศัพท์ไปข่มขู่นางอุษา คงอิ่ม มารดาของผู้ตาย ว่าผู้ตายเลิกกับนายอุดมแล้ว โดยพูดข่มขู่ต่อว่าให้มารับผู้ตายกลับไป ถ้าไม่มีเงินทางนี้จะออกให้ก่อนแต่ถ้าพูดไม่รู้เรื่องให้มารับศพก็แล้วกัน ประกอบกับไม่พอใจผู้ตาย ที่ทำให้ครอบครัวของนายอุดม กับภรรยาเก่าต้องแตกแยก โดยเคยไปดุด่าว่ากล่าว ผู้ตายถึงที่พัก ด้านนายพงษ์ศักดิ์ เคยเดินทางมายิง ผู้ตายครั้งหนึ่งแล้วก่อนหน้านี้แต่ไม่สบโอกาส จึงเดินทางกลับจังหวัดสงขลา หลังจากนั้นได้ติดต่อให้นายพงษ์ศักดิ์ กลับมาทำงานอีกครั้งซึ่งนายพงษ์ศักดิ์ ได้มาพร้อมนายชำนิ หวันเส็น โดยหลังก่อเหตุในคดีนี้แล้วนายพงษ์ศักดิ์ และนายชำนิ ได้เดินทางกลับยังจังหวัดสงขลาทันที
ข้อมูลจาก...ส.ปชส.ภูเก็ต
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น