วันอาทิตย์ที่ 8 มกราคม พ.ศ. 2555

ศุลกากรท่าอากาศยานภูเก็ตรวบหนุ่มอินเดีย ขนสารตั้งต้นผลิตยาเสพติด6.5ก.ก.อ้างไม่รู้

ด่านศุลกากรท่าอากาศยานภูเก็ตรวบหนุ่มอินเดียซุกสารตั้งต้นผลิตยา เสพติดน้ำหนักรวมสิ่งห่อหุ้ม 6.5 กิโลกรัม คาดนำผลิตยาบ้า-ไอซ์มูลค่าไม่ต่ำกว่า 30-40 ล้านบาท อ้างมีคนฝากให้นำมาส่งที่ อ.หาดใหญ่        
       
เมื่อเวลา 20.30 น. วันที่ 7 ม.ค.55 นางมนทิรา เชิดชู นายด่านศุลกากรท่าอากาศยานภูเก็ต พร้อมด้วย นายอนันต์ ศรีประเสริฐ รองนายด่านศุลกากรท่าอากาศยานภูเก็ต พ.ต.ท.เสริม ขวัญนิมิตร รองผู้กำกับการฝ่ายปราบปรามสถานีตำรวจภูธรท่าฉัตรไชย พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ประจำด่านศุลกากรท่าอากาศยานภูเก็ต ร่วมกันแถลงผลการจับกุมนาย SHANKAR SUNIL อายุ 22 ปี ชาวอินเดีย หมายเลขหนังสือเดินทาง J5681192 เป็นผู้โดยสารของสายการบินซิลค์แอร์ เดินทางมาจากประเทศสิงคโปร์ ปลายทางท่าอากาศยานภูเก็ต ต.ไม้ขาว อ.ถลาง จ.ภูเก็ต ซึ่งจับกุมได้เมื่อเวลา 09.50 น.วันที่ 7 ม.ค.ที่ผ่านมา พร้อมด้วยของกลางวัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท ประเภท 2 สารอีเฟดรีน (EPHEDRINE) พร้อมสิ่งห่อหุ้มน้ำหนัก 6.5 กิโลกรัม กระเป๋าเดินทาง 2 ใบที่จัดทำขึ้นเป็นพิเศษ ผ้าสาหรี่จำนวนหนึ่ง ประเป๋าเสื้อผ้าจำนวน 1 ใบ
      
       นางมนทิรา เชิดชู นายด่านศุลกากรท่าอากาศยานภูเก็ต กล่าวถึงการจับกุมนาย SHANKAR SUNIL อายุ 22 ปี ชาวอินเดีย ในครั้งนี้ ว่า สืบเนื่องกรมศุลกากรมีนโยบายด้านการควบคุมทางศุลกากรและปกป้องสังคมอย่าง เคร่งครัด ได้สั่งการเจ้าหน้าที่ประจำด่านศุลกากรท่าอากาศยานทุกแห่ง รวมทั้งท่าอากาศยานภูก็ตเพิ่มความเข้มงวดเป็นพิเศษในการสกัดกั้นป้องกันและ ปราบปรามการลักลอบขนยาเสพติดให้โทษกับผู้โดยสารที่เดินทางเข้ามาในราช อาณาจักรทางท่าอากาศยาน ซึ่งท่าอากาศยานภูเก็ตก็มีแนวโน้มการลักลอบขนยาเสพติดให้โทษสูงขึ้น และจากการตรวจสอบอย่างเข้มงวดของเจ้าหน้าที่ทำให้สามารถจับกุมผู้ต้องหาราย ดังกล่าวพร้อมด้วยของกลางซึ่งเป็นสารตั้งต้นที่นำไปใช้สำหรับการผลิตยาเสพ ติดชนิดต่างๆได้จำนวนมาก
      
       สำหรับการจับกุมในครั้งนี้เนื่องจากเจ้าหน้าที่ประจำด่านตรวจศุลกากร ท่าอากาศยานภูเก็ตตรวจสอบพบผ้าในประเป๋าเดินทาง 2ใบ ที่นาย SHANKAR SUNIL ซึ่งภายในเต็มไปด้วยผ้า ขนมาไม่ผ่านการเสียภาษี จึงได้ขอตรวจสอบให้ละเอียดซึ่งทางผู้ต้องหาก็ยินยอมที่จะเสียภาษีดังกล่าว เนื่องจากได้รับการแนะนำว่าถ้าเสียภาษีก็ไม่น่าจะเกิน 2,000 บาท แต่จากการตรวจสอบพบว่ากระเป๋าผ้าดังกล่าวมีน้ำหนักมากผิดปกติจึงได้นำเข้า เครื่องเอ็กซเรย์อีกครั้ง ซึ่งจากการเอ็กซเรย์พบสิ่งผิดปกติซุกซ่อนอยู่ที่ก้นกระเป๋า จึงนำกระเป๋ามาตรวจค้นเจ้าหน้าที่พบวัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาทประเภท 2 สารอีเฟดรีน บรรจุอยู่ในกล่องไม้ซุกซ่อนอยู่บริเวณพื้นกระเป๋าเดินทางทั้ง 2 ใบซึ่งจัดทำขึ้นเป็นพิเศษ
      
       จึงได้ควบคุมตัวผู้ต้องมามาทำการสอบสวน พร้อมแจ้งขอกล่าวหามีวัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาทประเภท 2 สารอีเฟดรีน ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายเกินปริมาณที่รัฐมนตรีกำหนด และนำเข้ามาในราชอณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาต ซึ่งการกระทำดังกล่าวเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติวัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตและ ประสาท พ.ศ.2518 และมาตรา 27 แห่งมาตรการพ.ร.บ.ศุลกากร พ.ศ.2469 ประกอบกับ พ.ร.บ.ศุลกากร (ฉบับที่ 9) พ.ศ.2482 มาตรา 16,17 และกฏหมายอื่นที่เกี่ยวข้อง ซึ่งมีโทษจำคุก 5-20 ปีโดยนำผู้ต้องหาพร้อมของกลางส่งพนักงานสอบสวน สถานีตำรวจภูธรท่าฉัตรไชย เพื่อสืบสวนขยายผลและดำเนินคดีต่อไป อย่างไรก็ตามสำหรับของกลางวัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาทประเภท 2 สารอีเฟดรีน ซึ่งเป็นสารตั้งต้นที่นำไปผลิตเป็นยาบ้าและยาไอซ์ จะมีมูลค่าประมาณ 30-40 ล้านบาท
      
       นางมนทิรา กล่าวว่าจากการสอบสวนของเจ้าหน้าที่ในเบื้องต้นทราบว่า นาย SHANKAR SUNIL ซึ่งทำดิงานด้านไอที เดินทางมาจากเมืองบังกาลอ ประเทศอินเดีย ใช้เส้นทาง บังกาลอ และมาต่อเครื่องที่สิงคโปร์-ภูเก็ต โดยบอกว่ามีคนอินเดียอยู่ที่ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา ซึ่งเป็นเพื่อนของลุง ซื้อตั๋วโดยสารให้ พร้อมทั้งซื้อซิมการ์ดโทรศัพท์จากเมืองไทยส่งไปให้ และบอกว่าให้นำกระเป๋าเดินทางซึ่งจะมีคนอินเดียนำมาให้ถือมาด้วย และเมื่อมาถึงภูเก็ตแล้วก็ให้ใช้ซิมการ์ดดังกล่าว โดยให้นั่งรถทัวร์จากภูเก็ตไปลงหาดใหญ่ ตอนขากลับให้นั่งรถจากหาดใหญ่เพื่อไปขึ้นเครื่องที่สนามบินสุวรรณภูมิ
      
       ทั้งนี้ นาย SHANKAR SUNIL ยืนยันว่าตัวเขาไม่รู้เรื่องว่าภายในกระเป๋ามีสารเสพติด และก่อนหน้านี้เมื่อประมาณปลายเดือนพฤศจิกายนเคนเดินทางเข้ามาแล้ว 1 ครั้ง และก็มีคนฝากให้หิ้วกระเป๋าเข้ามาในลักษณะนี้ ซึ่งไม่ทราบเหมือนกันว่าครั้งนั้นมีสารเสพติดอยู่ด้วยหรือไม่ แต่ทางเจ้าหน้าที่ก็ไม่ได้ปักใจเชื่อ
      
       นางมนทิรา ยังได้กล่าวต่อไปถึงการจับกุมผู้กระทำความผิดที่ลักลอบขนยาเสพติดประเภท ต่างๆผ่านทางด่านศุลกากรท่าอากาศยานภูเก็ต ว่า จากการเฝ้าระวังอย่างเข้มงวดของเจ้าหน้าที่ทำใหสามารถจับกุมผู้ต้องหาได้ หลายราย ซึ่งระหว่างพ.ค-ต.ค. 54 จับกุมผู้ลักลอบขนยาเสพติดรายใหญ่ได้ถึง 4 ราย มีทั้งยาไอซ์ โคเคน และล่าสุดยางกัญชา
ข้อมูลจาก...ผู้จัดการออนไลน์

ไม่มีความคิดเห็น: