วันเสาร์ที่ 26 ธันวาคม พ.ศ. 2558

ตำรวจภูเก็ตปรับหนึ่งพันบาท ขับรถไม่คาดเข็มขัดนิรภัย

เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นกับคนขับรถตู้โดยสารไม่ประจำทาง ซึ่งคนขับ ขับมาคนเดียว โดยไม่มีผู้โดยสารแต่อย่างใด แต่ไม่ได้คาดเข็มขัดนิรภัย เมื่อมาถึงด่านตรวจก็ถูกเรียกให้จอด เจ้าหน้าที่ตำรวจนายหนึ่งขอใบอนุญาติขับขี่ยึดไว้แล้วเขียนใบสั่งให้ไปเสียค่าปรับที่สถานีตำรวจเมืองภูเก็ต ในข้อหา"ขับรถไม่คาดเข็มขัดนิรภัย"
เมื่อผู้ต้องหาไปเสียค่าปรับ ผลที่ออกมาเป็นไปตามใบเสร็จที่ปรากฏ.
สำหรับวันเวลาและเจ้าหน้าที่ตำรวจผู้จับกุม มีรายละเอียดอยู่บนใบเสร็จทั้งหมด.



นี่คือใบเสร็จรับเงินจากสถานีตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต ที่ได้เปรียบเทียบปรับผู้กระทำความผิดขับรถไม่คาดเข็มขัดนิรภัย...
เป็นที่น่าสงสัยว่าเปรีบยเทียบปรับเกินกว่ากฏหมายกำหนดหรือไม?..หรือใช้ดุลยพินิจอะไร จึงเปรียบเทียบปรับถึงหนึ่งพันบาทกับความผิดแค่ไม่คาดเข็มขัดนิรภัย?
..
..มาดูกฎหมายว่าด้วย ผู้ฝ่าฝืนไม่คาดเข็มขัดนิรภัยมีความผิดดังนี้..

     ผู้ขับรถยนต์ไม่คาดเข็มขัดนิรภัย หรือคาดไม่ถูกวิธีในขณะขับรถ มีโทษปรับไม่เกิน 500 บาท
     ผู้โดยสารที่นั่งตอนหน้าแถวเดียวกับผู้ขับรถไม่คาดเข็มขัดนิรภัย หรือคาดไม่ถูกวิธีในขณะโดยสาร มีโทษปรับไม่เกิน 500 บาท
     ผู้ขับรถจะมีความผิดเสมอหากตนเองและหรือผู้โดยสาร ไม่คาดเข็มขัดนิรภัยหรือรัดไม่ถูกวิธี กล่าวคือ นอกจากผู้ขับขี่ที่ไม่รัดเข็มขัดนิรภัยจะมีความผิดในส่วนของตนเองแล้วก็ยังจะมีความผิดอีกส่วนหนึ่ง
     ในกรณีที่คนโดยสารที่นั่งตอนหน้าแถวเดียวกับผู้ขับขี่ไม่รัดเข็มขัดนิรภัยหรือรัดไม่ถูกวิธี (เป็นความผิดต่างกรรม ต่างวาระ) ซึ่งมีโทษปรับรวมแล้วไม่เกิน 1000 บาท
เจ้าของรถตามกฎหมายว่าด้วยรถยนต์ ไม่จัดให้มีเข็มขัดนิรภัยเป็นเครื่องอุปกรณ์ไว้กับรถ มีโทษตามมาตรา 5(2) และ 58 ปรับไม่เกิน 1000 บาท
ผู้ประกอบการขนส่งหรือเจ้าของรถตามกฎหมายว่าด้วยการขนส่งทางบก ไม่จัดให้มีเข็มขัดนิรภัยเป็นอุปกรณ์ส่วนควบไว้กับรถ มีโทษตามมาตรา 71 และ 148 ปรับไม่เกิน 50000 บาท

....ข้อมูลจากกรมการขนส่งทางบก...

ข้อควรรู้..นั่งหน้าไม่คาดเข็มขัด...ปรับคนขับ

กฎจราจรที่บังคับใช้อยู่ทุกวันนี้ ก็ด้วยเหตุผลหลัก 2 ข้อใหญ่ก็คือ เพื่อความปลอดภัยและเพื่อลดปัญหาจราจร เรื่องของความปลอดภัยถือเป็นเรื่องหลักที่คนใช้รถใช้ถนนทุกคนพึงปฏิบัติก็เพื่อประโยชน์ของตัวเอง อย่างเช่น กฎหมายให้คาดเข็มขัดนิรภัยขณะขับรถ ซึ่งได้บรรจุเป็นกฎหมายบังคับเฉพาะรถที่จดทะเบียน ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. 2537 เป็นต้นมา ใช้บังคับทั้งรถขนส่งรถแท็กซี่ รถเก๋ง รถกระบะ รถตู้ โดยตาม พ.ร.บ.จราจรทางบก บังคับให้ผู้ขับรถและผู้ที่นั่งตอนหน้าคู่กับคนขับต้องคาดเข็มขัดนิรภัยด้วย ซึ่งมีระบุไว้ใน ม.123 วรรคสอง หากฝ่าฝืนก็จะเป็นความผิด มีทั้งความผิดเฉพาะตัวของคนขับรถ คือ ผู้ขับขี่ไม่รัดเข็มขัดนิรภัยไว้กับที่นั่ง และความผิดที่ไม่จัดให้คนนั่งด้านหน้าคู่กับคนขับรัดร่างกายไว้กับที่นั่งด้วยเข็มขัดนิรภัยในขณะโดยสาร โดยมีโทษปรับไม่เกิน 500 บาท ทั้ง 2 กรณี
แม้ตัวเองคาดเข็มขัด แต่ผู้ที่นั่งคู่มาด้านหน้าไม่คาด ก็ถือว่าเป็นความผิดของผู้ที่ขับขี่รถ เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถจับกุมเปรียบเทียบปรับได้ตามกฎหมาย... ขับรถหรือโดยสารรถทุกครั้งอย่าลืมคาดเข็มขัดนิรภัย

ข้อมูลจาก หนังสือพิมพ์เดลินิวส์
.............................................................................................

หรือว่าเป็นเพราะเหตุนี้จึงปรับให้แพงเอาไว้ก่อน..

วันพฤหัสบดีที่ 26 กันยายน พ.ศ. 2556

ตำรวจภูเก็ตจัดพิธีมอบประกาศเกียรติให้แก่ตำรวจครบเกษียณอายุ



พล.ต.ต.โชติ ชวาลวิวัฒน์ ผบก.ภูเก็ต มอบประกาศเกียรติให้แก่ข้าราชการตำรวจที่ครบเกษียณอายุราชการ 9 นาย และต้อนรับตำรวจที่ย้ายมารับราชการในภูเก็ต พร้อมสั่งเจ้าหน้าที่เน้นให้ความสำคัญการดูแลนักท่องเที่ยวเป็นพิเศษ
      
       เมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 25 ก.ย.56 ที่ลานอเนกประสงค์ตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต ถ.เยาวราช ต.ตลาดใหญ่ อ.เมือง จ.ภูเก็ต พล.ต.ต.โชติ ชวาลวิวัฒน์ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต เป็นประธานในพิธีมอบประกาศเกียรติให้แก่ข้าราชการตำรวจที่ครบเกษียณอายุราชการ และมอบนโยบายในการทำงาน โดยมี พ.ต.อ.เสน่ห์ ยาวิละ รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต ผู้กำกับ และรองผู้กำกับทุกสถานีตำรวจในจังหวัดภูเก็ต เจ้าหน้าที่ตำรวจที่ได้รับการแต่งตั้งใหม่ เจ้าหน้าที่ตำรวจฝึกงาน และเจ้าหน้าที่ตำรวจที่เกี่ยวข้องเข้าร่วม
      
       พ.ต.อ.จิรศักดิ์ เสียมศักดิ์ ผู้กำกับการอำนวยการตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต กล่าวว่า ตามที่ตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต มอบประกาศเกียรติเพื่อเป็นการยกย่องเชิดชูเกียรติให้แก่ข้าราชการตำรวจในสังกัดตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต จำนวน 9 นาย เนื่องจากได้รับราชการมาด้วยความซื่อสัตย์สุจริต วิริยะอุตสาหะ ปกป้อง คุ้มครองชีวิตและทรัพย์สิน ตลอดจนรักษาความสงบเรียบร้อยให้แก่ประชาชน สร้างคุณประโยชน์ให้แก่ประเทศชาติมาอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งยังได้มีการมอบประกาศเกียรติให้แก่พนักงานสอบสวนดีเด่น จำนวน 2 นาย และได้มีการรายงานตัวของเจ้าหน้าที่ตำรวจสัญญาบัตร จำนวน 49 นาย ที่จะเข้ารับราชการในทุกสถานีตำรวจจังหวัดภูเก็ต
      
       ด้าน พล.ต.ต.โชติ ชวาลวิวัฒน์ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต ได้มอบนโยบายในการทำงานว่า สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ซึ่งมีหน้าที่รับผิดชอบในด้านการรักษาความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินให้แก่ประชาชน การทำงานของตำรวจจึงต้องเสียสละ และต้องใช้ความวิริยะอุตสาหะ อดทนอดกลั้นในการปฏิบัติหน้าที่ ตลอดจนการนำวิชาความรู้ และประสบการณ์มาใช้ในการทำงาน เนื่องจากในปัจจุบัน กระแสความเปลี่ยนแปลงของโลกเป็นไปอย่างรวดเร็ว ทั้งในด้านเศรษฐกิจ การเมือง สังคม และวัฒนธรรม รวมทั้งในด้านการพัฒนาทางด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ ทำให้ปัญหาอาชญากรรมมีแนวโน้ม และรูปแบบที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็วเช่นกัน ทำให้อาชญากรรมทุกประเภทมีความสลับซับซ้อน และมีความหลากหลายเพิ่มมากขึ้น ทั้งปัญหายาเสพติด อาชญากรรมข้ามชาติ อาชญากรรมทางเทคโนโลยี อาชญากรรมทางเศรษฐกิจ ตลอดจนอาชญากรรมอื่นๆ เช่น การก่อการร้าย ค้ามนุษย์ เป็นต้น ซึ่งการพัฒนาการทำงานของข้าราชการตำรวจให้มีประสิทธิภาพ และเกิดผลสัมฤทธิ์ต่อองค์กรนั้นๆ ต่อไป
      
       สำหรับขวัญกำลังใจของข้าราชการตำรวจนับว่าเป็นสิ่งสำคัญ ที่ผู้บังคับบัญชาจึงต้องใส่ใจช่วยเหลือ สนับสนุน สนใจในความทุกข์สุขของผู้ใต้บังคับบัญชาที่ได้ทุ่มเทแรงกายแรงใจในการปฏิบัติหน้าที่มาโดยตลอด ดังนั้น การที่ข้าราชการตำรวจที่ได้รับราชการต่อเนื่อง และยาวนานมาจนเกษียณอายุราชการ จึงนับว่าเป็นบุคลากรทรงคุณค่าของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ จึงสมควรที่ได้รับการประกาศเกียรติคุณ และยกย่องเชิดชูเกียรติที่สร้างคุณประโยชน์ให้แก่ประเทศชาติอย่างต่อเนื่อง
      
       พล.ต.ต.โชติ กล่าวต่อว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจทุกคนต้องเน้นให้ความสำคัญในการดูแลนักท่องเที่ยวเป็นสำคัญ เนื่องจากจังหวัดภูเก็ต ทำรายได้ให้แก่ประเทศชาติอย่างมหาศาล จึงจำเป็นต้องดูแลนักท่องเที่ยวเป็นพิเศษ เพื่อป้องกันเกิดอาชญากรรมต่อนักท่องเที่ยว อีกทั้งยังฝากให้เจ้าหน้าที่ตำรวจทุกคนปฏิบัติหน้าที่ซื่อสัตย์สุจริต และมีความขยันในการทำงานตลอดไป


ข้อมูลจาก.. ASTV Manager ภาคใต้

วันศุกร์ที่ 16 สิงหาคม พ.ศ. 2556

รอง ผกก.สภ.ถลาง สั่งคุมเข้มร้านเซเว่นฯ หลังแฟชั่นจี้ชี้ทรัพย์เริ่มระบาด



รอง ผกก.ป.สภ.ถลาง เผยสั่งเจ้าหน้าที่ออกคุมเข้มร้านสะดวกซื้อ และแหล่งชุมชนตลอด 24 ชม. หลังช่วงนี้คนร้ายก่อเหตุปล้นชิงทรัพย์ร้านสะดวกซื้อในพื้นที่ภูเก็ต พร้อมเป็นการป้องปรามการเกิดอาชญากรรม สร้างความมั่นใจให้ชาวต่างชาติ
      
       วันที่ 16 ก.ค.56  พ.ต.ท.อำนวย ไกรวุฒิอนันท์ รองผู้กำกับการปราบปราม สภ.ถลาง เปิดเผยถึงกรณีเมื่อช่วงเดือนที่ผ่านมา ในจังหวัดภูเก็ตเกิดเหตุคนร้ายเข้าไปจี้ชิงทรัพย์ตามร้านสะดวกซื้อเซเว่น-อีเลฟเว่น สาขาต่างๆ จนเริ่มระบาดว่า ในส่วนของอำเภอถลาง ซึ่งมีร้านเซเว่น-อีเลฟเว่น กว่า 30 แห่ง เบื้องต้นยังไม่ได้รับรายงานว่าเกิดเหตุคนร้ายจี้ชิงทรัพย์ แต่ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจไม่ได้นิ่งนอนใจ ได้จัดกำลังชุดสายตรวจออกลาดตระเวนในแหล่งชุมชนตลอด 24 ชั่วโมง โดยจะเน้นตรวจตราในช่วงเวลา 01.00-04.00 น.ของแต่ละวันเป็นพิเศษ เนื่องจากคนร้ายมักจะอาศัยช่วงเวลาดังกล่าวออกก่อเหตุตามร้านสะดวกซื้อที่ประชาชนไม่ค่อยพลุกพล่าน
      
       ทั้งนี้ พ.ต.ท.อำนวย กล่าวต่อว่า หากประชาชน หรือชาวบ้านพบเห็นกลุ่มวัยรุ่น หรือผู้ต้องสงสัยก็โปรดแจ้งมายังเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ตลอดเวลา เพื่อเป็นการป้องปรามการก่อเหตุอาชญากรรมในพื้นที่จังหวัดภูเก็ต ประกอบกับทางด้านของ พล.ต.ต.โชติ ชวาลวิวัฒน์ ผบก.ภูเก็ต ได้สั่งกำชับให้เจ้าหน้าที่ตำรวจทุกนายต้องคอยสอดส่องดูแลชาวบ้าน รวมทั้งนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ เพราะหากมีเหตุอาชญากรรมเกิดขึ้นบ่อยจะทำให้ภาพลักษณ์ และความเชื่อมั่นของภูเก็ตซึ่งเป็นเมืองท่องเที่ยวเสียหาย รวมทั้งกระทบต่อวิถีชีวิต และความเป็นอยู่ของประชาชนในพื้นที่


ข้อมูลจาก.. ASTV Manager ภาคใต้

วันพุธที่ 14 สิงหาคม พ.ศ. 2556

ภูเก็ตโชว์ผลงานรวบ 2 ผู้ต้องหาค้ายาไอซ์ ยึดของกลางกว่า 1 ล้านบาท



ภูเก็ตโชว์ผลงานตามรวบ 2 ผู้ต้องหา พร้อมของกลาง ยาไอซ์ อาวุธปืน และเครื่องกระสุนอีกเพียบ รวมมูลค่ากว่า 1 ล้านบาท เผยสั่งซื้อยาเสพติดมาจากผู้ต้องขังในคุกนครศรีธรรมราช ขณะที่อาวุธปืนสั่งซื้อทางอินเทอร์เน็ต รองผู้ว่าฯ สั่งเฝ้าระวังป้องกันการแพร่ระบาดของยาเสพติดมากขึ้น
            เมื่อเวลา 20.00 น. วันที่ 13 ส.ค.56 ที่ห้องประชุมป้องกันจังหวัดภูเก็ต (หลังศาลากลางจังหวัดภูเก็ต) นายจำเริญ ทิพญพงศ์ธาดา รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต พร้อมด้วย นายวีระ เกิดสิริมงคล นายอำเภอกะทู้ นายอรุณ สิงห์อินทร์ ป้องกันจังหวัดภูเก็ต นายศิริพงษ์ หลีประสิทธิ์ และนายวิสุทธิ์ โรมมินทร์ ปลัดอำเภอกะทู้ พ.ต.ท.ปริญญา ตัณฑสุวรรณ รอง ผกก.สส.สภ.เมืองภูเก็ต และเจ้าหน้าที่อาสาสมัครรักษาดินแดน (อส.) อำเภอกะทู้ ชุดเฉพาะกิจสายฟ้าสีหราช อ.กะทู้ ร่วมแถลงข่าวการจับกุมตัวนายสันติ (เอก) หนูพุ่ม อายุ 31 ปี อยู่บ้านเลขที่ 30 หมู่ 5 ต.รัษฎา อ.เมืองภูเก็ต พร้อมยาไอซ์ น้ำหนัก 10.04 กรัม อาวุธปืนขนาด .357 มม. เงินสด 3,000 บาท สมุดบัญชีธนาคาร สร้อยคอทองคำ และนายอนัส (นัส) ทองมา อายุ 23 ปี อยู่บ้านเลขที่ 1/43 หมู่ 3 ซ.เสียงใต้ ต.รัษฎา อ.เมืองภูเก็ต พร้อมของกลาง ยาไอซ์ น้ำหนัก 480 กรัม อาวุธปืนลูกโม่ขนาด .38 จำนวน 1 กระบอก พร้อมเครื่องกระสุน 52 นัด อาวุธปืนขนาด 9 มม. 1 กระบอก พร้อมเครื่องกระสุน 50 นัด เครื่องชั่งดิจิตอล ถุงพลาสติกใส และอุปกรณ์ในการเสพ
          นายจำเริญ กล่าวถึงการจับกุมผู้ต้องหาพร้อมของกลางยาไอซ์ และของกลางอื่นๆ ว่า การจับกุมครั้งนี้ เป็นความร่วมมือของชุดเฉพาะกิจสายฟ้าสีหราช อ.กะทู้ ชุดเฉพาะกิจสิงห์ 1 ตชด.425 สภ.เมืองภูเก็ต และตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต เริ่มจากทางเจ้าหน้าที่ชุดเฉพาะกิจสายฟ้าสีหราช อ.กะทู้ ได้รับแจ้งจากสายว่า นายสันติ หรือเอก มีพฤติกรรมในการจำหน่ายยาเสพติดให้แก่กลุ่มวัยรุ่น จึงได้ทำการล่อซื้อ และนัดส่งของกันที่ซอยยินดีสนิท ถนนสงขลา อ.เมืองภูเก็ต แต่นายสันติ หรือนายเอก รู้ตัว จึงได้วิ่งหนีเข้าไปยังบ้านเช่าซึ่งอยู่ในบริเวณใกล้เคียง แต่เจ้าหน้าที่ได้เข้าไปควบคุมตัวมาได้ พร้อมทั้งทำการตรวจค้นห้องเช่าของ นายสันติ พบยาไอซ์ น้ำหนัก ประมาณ 10.04 กรัม อาวุธปืนขนาด .357 พร้อมเครื่องกระสุน จำนวน 6 นัด เงินสด 3,000 บาท สมุดธนาคาร และอื่นๆ อีกหลายรายการ
          หลังจากนั้น เจ้าหน้าที่ได้นำตัวนายสันติ มาสอบสวนขยายผลได้ความว่า นายสันติ ได้รับยาไอซ์มาจาก นายอนัส (นัส) ทองมา ซึ่งอยู่บ้านเลขที่ 1/43 ซ.เสียงใต้ หมู่ 3 ต.รัษฎา อ.เมืองภูเก็ต ทางนายอำเภอกะทู้ จึงได้เข้าทำการตรวจค้นในห้องนอนซึ่งอยู่ด้านในสุดของตัวบ้าน พบยาไอซ์บรรจุถุงพลาสติกใส น้ำหนัก 480 กรัม ถูกซุกซ่อนอยู่ในตู้เสื้อผ้า อาวุธปืน จำนวน 2 กระบอก เครื่องกระสุนปืนกว่า 100 นัด อุปกรณ์การเสพยาเสพติดอีก 1 ชุด เครื่องชั่งตวง และถุงพลาสติกใสอีกจำนวนหนึ่ง
            จึงควบคุมตัวผู้ต้องหาส่งพนักงานสอบสวน สภ.เมืองภูเก็ต ดำเนินคดีตามกฎหมายในข้อหามีและครอบครองยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาไอซ์) ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย และมีอาวุธปืน-เครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต จากการสอบสวนในเบื้องต้นทราบว่า นายอนัส ซื้อยาไอซ์มาจากผู้ต้องขังซึ่งอยู่ในคุกนครศรีธรรมราช จากนั้นจะนำมาแบ่งขายให้แก่พ่อค้ารายย่อยในพื้นที่ ส่วนอาวุธปืน และเครื่องกระสุนสั่งซื้อทางอินเทอร์เน็ต
          นายจำเริญ กล่าวอีกว่า อย่างไรก็ตาม หลังจากนี้จะมีการประสานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการขยายผลไปยังเครือข่ายที่อยู่ใน จ.นครศรีธรรมราช รวมถึงในส่วนของพื้นที่ เนื่องจากปัจจุบันการแพร่ระบาดของยาไอซ์มีมากขึ้น ก็จะต้องมีการสืบสวนหาข่าวอย่างเข้มงวด รวมถึงการตรวจตราเส้นทางลำเลียงต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นสนามบิน ด่านตรวจจังหวัดภูเก็ตที่ท่าฉัตรไชย รวมถึงสถานีขนส่งผู้โดยสาร


ข้อมูลจาก.. ASTV Manager ภาคใต้

วันพฤหัสบดีที่ 25 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

ตำรวจกะรนรวบหนุ่มค้ายาวัย 29 ปี ขณะเสพไอซ์คาบ้าน



พ.ต.ท.โสภณ บริรักษ์ รอง ผกก.สภ.กะรน อ.เมือง จ.ภูเก็ต เผยสามารถขยายผลจับกุมหนุ่มวัย 29 ปี ขณะเสพยาไอซ์คาบ้าน พร้อมของกลางยาไอซ์น้ำหนัก 3.97 กรัม และอุปกรณ์การเสพ ด้านเจ้าตัวรับสารภาพจำหน่ายยาให้วัยรุ่นทั้ง 3 ตำบล ในจังหวัดภูเก็ต
      
       วันที่ 24 ก.ค.56 พ.ต.ท.โสภณ บริรักษ์ รอง ผกก.สส.สภ.กะรน เปิดเผยว่า ตามที่นโยบายตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต ได้สั่งการให้กวาดล้างยาเสพติดให้หมดไปในพื้นที่ โดยเมื่อเวลา 23.00 น. วันที่ 23 ก.ค.56 ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.กะรน นำโดย พ.ต.ต.ธีรเดช จิรักษา สว.สส.สภ.กะรน พร้อมด้วย ร.ต.อ.มนัส วงษ์แก้ว ร.ต.ต.สุรเชษฐ ดำใส รอง สว.สส. ร.ต.ต.ธราพงศ์ นิลภัคดี รอง สว.สส.สภ.กะรน ด.ต.บุญเลิศ เผือกผ่อง ส.ต.อ.สมบูรณ์ สาสุธรรม ส.ต.อ.เตวิทย์ สุพิทยพันธ์ ได้ร่วมกับจับกุม นายรุ่งโรจน์ หรือคิม บุตรวทัญญู อายุ 29 ปี อยู่บ้านเลขที่ 63 ม.5 ต.ราไวย์ อ.เมือง จ.ภูเก็ต พร้อมด้วยของกลางยาไอซ์ น้ำหนัก 3.97 กรัม ถุงพลาสติกใสแบบดึงเปิดกดปิด 10 ใบ อุปกรณ์การเสพติดไอซ์อีกจำนวนหนึ่ง ซึ่งสามารถจับกุมได้ที่บ้านเช่าไม่มีเลขที่ ห้องที่ 5 ซ.ตาขาว ต.ฉลอง อ.เมือง จ.ภูเก็ต จากนั้นเจ้าหน้าที่จึงนำตัวส่ง สภ.ฉลอง อ.เมืองภูเก็ต ดำเนินคดีในข้อหามีสารเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาไอซ์) ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายต่อไป
      
       สำหรับการจับกุมครั้งนี้ สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 20 ก.ค.ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.กะรน จับกุมนายทินนะ หรือพงศ์ หรือแมว ศรีลารักษ์ ในข้อหาครอบครองยาไอซ์เพื่อจำหน่ายโดยผิดกฎหมาย และให้การรับสารภาพว่า ซื้อยาไอซ์มาจาก นายรุ่งโรจน์ หรือแมว พักอยู่ที่ ต.ฉลอง เจ้าหน้าที่ติดตามพฤติกรรมจนกระทั่งแน่ใจแล้วว่า นายรุ่งโรจน์ มีพฤติกรรมจำหน่ายยาบ้าให้แก่วัยรุ่นใน ต.ฉลอง ราไวย์ และกะรน เจ้าหน้าที่จึงได้ตรวจสอบที่บ้านพักของ นายรุ่งโรจน์ เห็นนายรุ่งโรจน์ กำลังนั่งเสพยาไอซ์อยู่ที่บริเวณภายในบ้าน เจ้าหน้าที่จึงแสดงตัวจับกุม พบของกลางยาไอซ์ 3.97 กรัม และอุปกรณ์การเสพยาเสพติดจำนวนมาก และให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหาว่า เสพไอซ์จริง และขายยาไอซ์ให้แก่วัยรุ่นใน ต.ฉลอง ต.ราไวย์ ต.กะรน จากนั้นเจ้าหน้าที่จึงควบคุมตัวพร้อมดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป


ข้อมูลจาก... ASTV Manager ภาคใต้