วันอาทิตย์ที่ 13 มกราคม พ.ศ. 2556

ระดมกำลังกวาดล้างอาชญากรรมในพื้นที่ภูเก็ตเข้ม 30 วัน ตั้งเป้าลดคดีได้ 50%




ปานศิริ ประภาวัตรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ปล่อยแถวเจ้าหน้าที่ตำรวจ เจ้าหน้าที่ทหาร อาสาสมัคร และภาคประชาชน ร่วมระดมสรรพกำลังป้องกันปราบปรามอาชญากรรม เข้ม 30 วัน พร้อมดึงประชาชนร่วมเดินรณรงค์สร้างความมั่นใจให้นักท่องเที่ยว ตามโครงการยิ้มรับประทับใจเพื่อป่าตองปลอดภัยเน้นผลการดำเนินงานลดปัญหาอาชญากรรมในพื้นที่ได้ 50% สร้างความพึงพอใจให้นักท่องเที่ยว 80%

เมื่อเวลา 19.30 น.วันที่ 11 ม.ค.56 ที่บริเวณซอยบางลา หาดป่าตอง ต.ป่าตอง อ.กะทู้ จ.ภูเก็ต พล.ต.อ.ปานศิริ ประภาวัต รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เป็นประธานในพิธีปล่อยแถวเจ้าหน้าที่ตำรวจ เจ้าหน้าที่ทหาร อาสาสมัคร และภาคประชาชน ร่วมระดมสรรพกำลังป้องกันปราบปรามอาชญากรรม และร่วมเดินรณรงค์รักษาความปลอดภัยให้แก่นักท่องเที่ยว จำนวน 800 นาย ตามโครงการยิ้มรับประทับใจเพื่อป่าตองปลอดภัยโดยมีนายไมตรี อินทุสุต ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต พล.ต.อ.เฉลิมเกียรติ ศรีวรขาน ที่ปรึกษา (ปป 4) สำนักงานตำรวจแห่งชาติ นายเรวัต อารีรอบ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดภูเก็ต พล.ต.ต.โชติ ชวาลวิวัฒน์ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต พ.ต.อ.อรุณ แกล้ววาที และ พ.ต.อ.พีระยุทธ การะเจดีย์ รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต
      
       พร้อมด้วยผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรทุกสถานีในพื้นที่จังหวัดภูเก็ต นายอภิสรรค์ สง่าศรี นายอำเภอกะทู้ รวมถึงเจ้าหน้าที่ที่มาร่วมปล่อยแถวระดมป้องกันปราบปรามอาชญากรรม ซึ่งมีทั้งเจ้าหน้าที่ตำรวจจากจังหวัดภูเก็ต พังงา เจ้าหน้าที่ตำรวจน้ำ ตำรวจปราบปราม ป.ป.ส. เจ้าหน้าที่ทหารเรือ อาสาสมัคร และภาคประชาชน รวมจำนวน 800 นาย และกลุ่มผู้ประกอบการต่างๆ ที่มาร่วมเดินรณรงค์อีกจำนวนมาก เข้าร่วมในพิธี
      
       พ.ต.อ.อรุณ แกล้ววาที รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต กล่าวรายงานต่อประธานในพิธีว่า ด้วยทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ซึ่งรับผิดชอบด้านการรักษาความปลอดภัยและอำนวยความสะดวกให้แก่นักท่องเที่ยว และประชาชนทั่วไป ได้เล็งเห็นความสำคัญของการท่องเที่ยว โดยเฉพาะการท่องเที่ยวในจังหวัดภูเก็ต จังหวัดชลบุรี และจังหวัดสุราษฎร์ธานี ซึ่งที่ผ่านมา ในช่วงเทศกาลปีใหม่ 2556 มีหลายเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นต่อนักท่องเที่ยว และสร้างภาพลักษณ์ที่ไม่ดีต่อการท่องเที่ยวในประเทศไทย ทำให้นักท่องเที่ยวขาดความเชื่อมั่นด้านความปลอดภัยในชีวิต และทรัพย์สิน สำนักงานตำรวจแห่งชาติ จึงมีแนวคิดสั่งการให้ตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต ระดมสรรพกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร อาสาสมัคร ภาคประชาชน ให้เข้ามามีส่วนร่วมในการดูแลนักท่องเที่ยวให้มีความปลอดภัยมากยิ่งขึ้น โดยกำหนดออกปฏิบัติการตรวจเข้มในระยะ 30 วัน
      
       ตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต จึงได้จัดให้มีการระดมสรรพกำลังพร้อมปล่อยแถวเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งประชาชนในการระดมกำลังกวาดล้างอาชญากรรมในพื้นที่ และประชาสัมพันธ์สร้างความเชื่อมั่นด้านความปลอดภัย และการอำนวยความสะดวกแก่นักท่องเที่ยวขึ้น โดยกิจกรรมในส่วนของการปล่อยแถวเจ้าหน้าที่เพื่อรักษาความปลอดภัยให้แก่นักท่องเที่ยวในรูปแบบต่างๆ โดยเน้นเป้าหมายตั้งจุดตรวจจุดสกัด การปิดล้อมตรวจค้น และการจัดสายตรวจเดินเท้า ขณะที่ในส่วนของกิจกรรมการเดินรณรงค์นั้น เป็นกิจกรรมย่อยที่จัดขึ้นรองรับโครงการป่าตองเซฟตี้โซน
      
       โดยจัดกิจกรรมเดินรณรงค์ ณ ถนนบางลา ซึ่งเป็นถนนคนเดินยามค่ำคืน เพื่อเรียกความเชื่อมั่นด้านความปลอดภัยให้แก่นักท่องเที่ยว โดยการเชิญภาคประชาชนทุกกลุ่มอาชีพ มาร่วมเดินรณรงค์สร้างจิตสำนึกที่ดีในการดูแลนักท่องเที่ยว ซึ่งกลุ่มภาคประชาชนที่มาร่วมเดินรณรงค์ประกอบด้วย กลุ่มรถตุ๊กตุ๊ก กลุ่มรถจักรยานยนต์รับจ้าง กลุ่มสถานบริการ กลุ่มรถเช่า กลุ่มเจ็ตสกี กลุ่มอาสาวิทยุ และกลุ่มโรงแรมหาดป่าตองเข้าร่วม
      
       ด้าน พล.ต.อ.ปานศิริ ประภาวัต รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า ตามที่รัฐบาลประกาศนโยบายนำประเทศไทยไปสู่การเป็นประชาคมอาเซียนอย่างสมบูรณ์ในปี 2558 กำหนดนโยบายเป็น 2 ระยะ คือ ระยะเร่งด่วน และระยะการบริหารราชการ 4 ปี โดยในระยะเร่งด่วนจะเร่งเพิ่มรายได้จากการท่องเที่ยว ทั้งใน และนอกประเทศ จำนวน 2 ล้านล้านบาท ภายในปี 2558 ด้ายการประชาสัมพันธ์เชิญชวนนักท่องเที่ยวเข้ามาร่วมกิจกรรมการท่องเที่ยว ที่จะจัดให้มีขึ้นในปี 2555-2558
      
       การที่จะก้าวไปสู่เป้าหมายสำคัญของรัฐบาลได้นั้น จะต้องเร่งแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นกับนักท่องเที่ยว ลดความหวาดระแวง และสร้างความเชื่อมั่นให้เกิดขึ้น ทั้งในด้านการรักษาความปลอดภัยในชีวิต และทรัพย์สิน และด้านการให้บริการ แต่จากหลายเหตุการณ์ที่นักท่องเที่ยวถูกประทุษร้ายต่อชีวิตร่างกาย และทรัพย์สิน ทั้งในพื้นที่จังหวัดภูเก็ต เมืองพัทยา จ.ชลบุรี เกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี และในพื้นที่ท่องเที่ยวสำคัญอื่นๆ ก่อให้เกิดความเสียหายต่อภาพลักษณ์เมืองท่องเที่ยว เกิดการชะลอตัวของการท่องเที่ยว ส่งผลกระทบโดยตรงต่อเศรษฐกิจของประเทศโดยรวม
      
       ทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ตระหนัก และให้ความสำคัญต่อการดูแลรักษาความปลอดภัย ตลอดจนการอำนวยความสะดวกด้านต่างๆ เพื่อแก้ไขปัญหาให้นักท่องเที่ยวเกิดความเชื่อมั่น และพึงพอใจต่อการท่องเที่ยวของประเทศไทย ได้กำหนดแผนระดมกวาดล้างอาชญากรรมตามแหล่งท่องเที่ยวสำคัญในพื้นที่ตำรวจภูธรภาค 2 และตำรวจภูธรภาค 8 เพื่อป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมที่จะเกิดขึ้นในพื้นที่แหล่งท่องเที่ยวสำคัญที่มีนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติเป็นจำนวนมาก เช่น เมืองพัทยา ภูเก็ต เกาะสมุย เกาะพะงัน จ.สุราษฎร์ธานี
      
       สำหรับแผนปฏิบัติการระดมกำลังกวาดล้างอาชญากรรมนั้น กำหนดการปฏิบัติเป็น 2 ระยะ คือ ระยะเร่งด่วน 30 วัน ดำเนินการห้วงระหว่างวันที่ 8 ม.ค.-7 ก.พ.2556 มุ่งเน้นกวดขันป้องกันปราบปรามจับกุมผู้กระทำความผิดทางอาญา กำหนดระดมกวาดล้างคดีเป้าหมาย กวดขันการป้องกัน ปราบปราม จับกุมผู้กระทำความผิดอาญาจริงจังและต่อเนื่อง โดยมีการระดมกวาดล้างคดีเป้าหมาย คือ คดีเกี่ยวกับทรัพย์ ชีวิต ร่างกาย และเพศ อาวุธปืน อาวุธสงคราม ผู้มีอิทธิพล มือปืนรับจ้าง ยาเสพติดอาชญากรข้ามชาติ ตั้งจุดตรวจจุดสกัด ตรวจพื้นที่ล่อแหลม พื้นที่เสี่ยงต่อการเกิดอาชญากรรมต่อนักท่องเที่ยว เพื่อป้องปราม และควบคุมอาชญากรรมให้อยู่ในวงจำกัด
      
       ดำเนินการปิดล้อมตรวจค้นเป้าหมายเกี่ยวกับนักท่องเที่ยว เพื่อลดแรงจูงใจในการกระทำความผิด กวดขันสถานบริการให้ปฏิบัติตามกฎหมาย โดยเฉพาะค้าประเวณีเด็ก ยาเสพติด และถ่ายรูปทำประวัติวัยรุ่น กลุ่มเสี่ยง รถจักรยานยนต์ต้องสงสัย บุคคลกลุ่มเสี่ยง บุคคลพ้นโทษในคดีเกี่ยวกับทรัพย์ ชีวิต ร่างกาย และเพศ ส่วนระยะยาว มุ่งเน้นการจัดระเบียบสถานที่พัก สถานบริการ สถานบันเทิง ผู้ประกอบการเกี่ยวกับนักท่องเที่ยว รวมทั้งการอำนวยความยุติธรรมแก่นักท่องเที่ยว มอบหมายรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ที่รับผิดชอบพื้นที่ควบคุม กำกับ ดูแลการปฏิบัติให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ
      
       พล.ต.อ.ปานศิริ กล่าวอีกว่า สำหรับในส่วนของจังหวัดภูเก็ตนั้น มีการระดมกำลังจากหน่วยต่างๆ รวมทั้งภาคประชาชนเข้ามาร่วม โดยจะแบ่งชุดเจ้าหน้าที่ออกปฏิบัติงานจำนวน 40 ชุดปฏิบัติการ ตั้งจุดตรวจจุดสกัดทั่วทั้งจังหวัด เน้นการป้องกันและปราบปราบอาชญากรรมในพื้นที่ รวมทั้งคดีที่ทำให้เกิดความเสียหายต่อนักท่องเที่ยว ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการฉกชิงวิ่งราวทรัพย์ ทำร้ายนำท่องเที่ยว คดียาเสพติด อาวุธปืน ผู้มีอิทธิพล และอื่นๆ โดยการทั้งจุดตรวจจุดสกัดนั้นเน้นการทำงานด้วยความสุภาพเพื่อไม่ให้กระทบกระเทือน และรบกวนนักท่องเที่ยว
      
       สำหรับการปฏิบัติงานในช่วง 30 วันนั้น มุ่งเน้นลดปัญหาอาชญากรรมในพื้นที่ให้ได้ 50% และสร้างความพึงพอใจให้นักท่องเที่ยวได้ 80% ซึ่งจากการปฏิบัติงานที่ผ่านมาในส่วนของการดำเนินโครงการป่าตองเซฟตี้โซนพบว่า นักท่องเที่ยวมีความพึงพอใจคดีต่างๆ ที่เกิดขึ้นมีจำนวนลดลง อย่างไรก็ตาม จังหวัดภูเก็ตถือเป็นแหล่งท่องเที่ยวเป้าหมายสำคัญที่มีนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทย และชาวต่างชาติให้ความสนใจเดินทางมาท่องเที่ยวเป็นจำนวนมาก ข้อมูลปี 2555 ที่ผ่านมา มีนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาท่องเที่ยวในจังหวัดภูเก็ต ประมาณ 8 ล้านคน และมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น จึงอยากให้กำลังพลที่ร่วมปฏิบัติการ ปฏิบัติหน้าที่ครั้งนี้ด้วยความสุภาพ เรียบร้อย มีความปลอดภัย สามารถปฏิบัติหน้าที่บรรลุตามเป้าหมายตามที่กำหนดไว้
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์

ไม่มีความคิดเห็น: